วิเคราะห์จุดเด่นของแว่น Windows VR ทั้ง 5 แบรนด์และข้อมูลเปรียบเทียบ

5 Brands Windows VR Headset Analysis

ช่วงนี้เข้าสู่เทศกาล Black Friday หลายๆคนก็กำลังชั่งใจกันอยู่ว่าจะซื้อแว่นเสมือนจริงของยี่ห้อไหนกันดี เลือกไม่ถูกบ้างหรือกลัวจะไม่คุ้มอะไรยังไง วันนี้ทีมงานก็เลยจะมาวิเคราะห์ให้เห็นกันไปเลยว่า Windows VR ที่วางจำหน่ายในตอนนี้มีจุดเด่นอย่างไรกันบ้างพร้อมเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆให้ชมกัน จัดให้สำหรับชาว VR หลายๆคนที่หลังไมมาถามไถ่กันว่าจะซื้อตัวไหนกันดีนะครับ

Acer

acer-controllers-windows

เริ่มจากแบรนด์แรกเลยกับ Acer ที่ประกาศเปิดตัวเป็นรายแรกว่าได้ทำการผลิตแว่นเสมือนจริงร่วมกับทาง Microsoft จุดเด่นของแบรนด์นี้คือเรื่องของราคาที่เปิดตัวได้ถูกที่สุด ในราคาเพียงแค่ $399 หรือประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง นอกจากนั้นยังมีสีน้ำเงินคาดดำบริเวณตัวเซ็นเซอร์ แต่ถ้าใครไม่ชอบสีดำก็สามารถเลือกสีอื่นๆได้ตามที่ต้องการ

ความละเอียด : 1440×1440 (Dual Panel)

รูปแบบของเลนส์ : LCD

อัตรากระพริบ :90Hz

ความกว้างของมุมมองภาพ : 95 องศา

ระบบเสียง : เชื่อมต่อด้วย Jack 3.5 mm

Dell

dell-headset-cropped

ต่อมาเป็น Dell ที่มีการเปิดตัวจากทาง Microsoft เป็นแบรนด์ที่มีจุดเด่นที่สะดุดตาอยู่ไม่น้อย ตัวแว่นจะมีสีขาวล้วนและมีขอบเป็นสีดำเงา ส่วนเซ็นเซอร์นั้นจะถูกฝังลงไปและมีร่องลึกแสดงบริเวณที่ติดตั้งไว้อย่างชัดเจน แถมตัวแว่นยังมีขนาดเล็กท่าสุดในบรรดาทั้ง 5 แบรนด์ที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้อีกด้วย สำหรับแบรนด์นี้เปิดตัวด้วยราคา $449 เหรียญ สำหรับจุดเด่นนอกจากความเล็กของตัวแว่นแล้วก็จะได้ความกว้างในการมองเห็นเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ความละเอียด : 1440×1440 (Dual Panel)

รูปแบบของเลนส์ : LCD

อัตรากระพริบ :90Hz

ความกว้างของมุมมองภาพ : 105 องศา

ระบบเสียง : เชื่อมต่อด้วย Jack 3.5 mm

HP

HP-Windows-Mixed-Reality-2

แบรนด์ที่ 3 เป็นแว่นจากค่าย HP ที่ตัวแว่นนั้นมีขนาดใหญ่เกือบที่สุดในบรรดาแว่นทั้งหมด ณ ขณะนี้ ภายนอกจะมีสีดำเงา ส่วนบริเวณของเซ็นเซอร์นั้นจะมีกรอบพลาสติดสีทืบนูนออกมาพร้อมกับโลโก้ HP อยู่บริเวณข้างๆ สำหรับคุณสมบัติของแว่นจากแบรนด์นี้จะเท่ากับ Dell ทุกอย่าง แค่มีความแตกต่างเรื่องของขนาดตัวแว่นเท่านั้น

ความละเอียด : 1440×1440 (Dual Panel)

รูปแบบของเลนส์ : LCD

อัตรากระพริบ :90Hz

ความกว้างของมุมมองภาพ : 105 องศา

ระบบเสียง : เชื่อมต่อด้วย Jack 3.5 mm

Lenovo

lenovo-explorer-vr-headset-with-controllers-head

สำหรับใครที่ต้องการแว่น VR ที่มีน้ำหนักเบาๆ Lenovo ถือว่าเป็นอีก 1 แบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของส่วนนี้ ตัวแว่นภายนอกจะเป็นสีดำ ลักษณะตัวแว่นมีความคล้ายคลึงกับแบรนด์ HP แต่ว่าบริเวณข้างหน้าที่ติดตั้งเซ็นเซอร์จะอยู่ลึกกว่าตัวกรอบภายนอก ในเรื่องของจุดเด่นจากแบรนด์นี้คือเราจะได้คุณสมบัติที่เทียบเท่ากับ Dell และ HP แต่ซื้อได้ในราคาที่เทียบเท่ากับ Acer ถือว่าคุ้มสุดๆแล้วสำหรับแบรนด์นี้

ความละเอียด : 1440×1440 (Dual Panel)

รูปแบบของเลนส์ : LCD

อัตรากระพริบ :90Hz

ความกว้างของมุมมองภาพ : 105 องศา

ระบบเสียง : เชื่อมต่อด้วย Jack 3.5 mm

Samsung Odyssey

Samsung-Windows-VR-head

แบรนด์สุดท้ายที่วางจำหน่ายในช่วงนี้มาจาก Samsung โดยแว่นจากแบรนด์นี้ถือว่าค่อนข้างจะแตกต่างพอสมควรเลย เพราะตัวแว่นมีขนาดเล็กและเซ็นเซอร์จะติดอยู่ต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ แถมภายนอกก็คล้ายๆกับ PlayStation VR ไม่น้อย ส่วนจุดเด่นและถือว่าเป็นข้อดีของแบรนด์นี้คือจะมีหูฟังแถมมาให้ด้วย รวมไปถึงคุณสมบัติภายใน แต่ก็แลกด้วยราคาที่แพงที่สุดในบรรดาทั้ง 5 แบรนด์ ด้วยราคา $499 หรือประมาณ 16,xxx บาท

ความละเอียด : 2880×1600

รูปแบบของเลนส์ : AMOLED

อัตรากระพริบ : 90Hz

ความกว้างของมุมมองภาพ : 110 องศา

ระบบเสียง : มีหูฟังในตัวพร้อมกับไมโครโฟน

เปรียบเทียบ Windows VR กับรุ่นพี่อย่าง HTC Vive และ Oculus Rift

oculus-htc-windows-vrheadsets

สำหรับ HTC Vive นั้นหลายๆคนก็น่าจะทราบถึงความสามารถและคุณสมบัติโดยรวมกันไปแล้วนะครับ เพราะถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของวงการนี้เลย เมื่อเปรียบเทียบภาพรวมแล้ว Windows VR จะได้เปรียบในเรื่องของความละเอียดของภาพ แต่จะเสียเปรียบตรงวัสดุที่ใช้สร้างเป็นเลนส์และเรื่องของความกว้างนั้นต้องเอา Samsung Odyssey มาชนถึงจะสูสี แต่ Vive จะได้เปรียบเรื่องของการสร้าง Room Scale ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ตั้งไว้อยู่ภายนอก ทำให้เวลาเล่นเกมไม่ต้องกังวลเรื่องคอนโทรลเลอร์หลุดการเชื่อมต่อ ส่วนระบบปฏิบัติการที่รองรับนั้น Windows VR ก็จะใช้ได้เพียงแค่ระบบเดียว ส่วน Vive จะสามารถใช้ได้ทั้ง Viveport, Windows, Linux และในอนาคตจะรองรับ MacOS อีกด้วย

ส่วน Oculus Rift นั้นจะมีคุณสมบัติที่เหมือนกับ HTC Vive ทุกประกาศไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปแบบเลนส์หรือความกว้างในการมองเห็นภาพ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่าซึ่งตรงนี้ก็ต้องใช้ Samsung Odyssey มาชนถึงจะสูสีเช่นเดียวกัน แต่ว่า Windows VR นั้นก็สามารถใช้งานหรือเล่นเกมที่เป็น Exclusive Content ของ Rift ผ่านทาง Revive ได้เช่นเดียวกัน แต่จุดที่น่า Windows VR เหนือกว่าก็คือความละเอียดภาพนั่นเองทที่สูงกว่า

winmr-group4up-gradient

ใครที่กำลังหาข้อมูลตัดสินใจว่า Windows VR นั้นคุ้มหรือไม่คุ้มอันนี้ทีมงานบอกได้เลยว่าคุ้มแน่นอน เพราะทางผู้พัฒนาหลายๆคนก็เริ่มหันมาผลิตซอฟต์แวร์เพื่อรองรับแพลตฟอร์มนี้กันแล้ว แถมยังสามารถเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์มได้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น Windows VR ก็ยังมีอีก 2 แบรนด์ที่เตรียมวางจำหน่ายกันได้แต่ ASUS และ Fujitsu เดี๋ยวในอนาคตทีมงานจะมาเปรียบเทียบกับทั้ง 5 แบรนด์ในดูกันอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรบ้างนะครับ

ทำความรู้จักกับระบบปฏิบัติการ Windows Mixed Reality จากค่าย Microsoft