The Void เตรียมส่งเกม VR ใหม่จากค่าย Marvel และ Sony Pictures เร็วๆนี้

แม้ทั้งคู่จะมีปัญหา แต่ The Void ยังคงเดินงานคงเดิม

ตอนนี้สถานการณ์ของทั้ง Marvel และ Sony Pictures จะมีดราม่า แต่ The Void สตูดิโอพัฒนาเกมและสื่อมัลติมีเดียชื่อดังยังคงพัฒนาผลงานต่อไป หลังจากที่พัฒนาผลงานจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars มาแล้ว วันนี้ทางผู้ก่อตั้งได้มีการออกมาเผยข่าวที่น่าสนใจและน่าจะเป็นเรื่องดีๆ ระหว่างทั้ง 2 ค่ายนี้ให้กับแฟนๆและเกมเมอร์สาย VR ได้มีข่าวดีให้อุณหภูมิของดราม่าครั้งนี้ได้เย็นลงบ้าง

Curtis-Hickman-head

Curtis Hickman Co-Founder ของ The Void ได้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์กับทาง UploadVR เกี่ยวกับผลงานใหม่ของทางค่ายว่าจะมีการนำเอาผลงานของ Marvel และ Sony Pictures มาพัฒนาเป็นเกมสไตล์ VR Experience โดยที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะเอา IP หรือภาพยนตร์เรื่องใดมาสร้างกันแน่ รวมไปถึงดราม่าระหว่างทั้ง 2 ค่ายนั้นก็ไม่มีผลกับการที่จะนำเอาผลงานของค่ายเหล่านี้มาสร้างเป็นเกม VR เพราะจะมีการพัฒนาโดยดูจากลิขสิทธิ์ที่ทั้ง 2 ค่ายได้ถือครอง นอกจากนั้นแล้วจะยังคงนำเอาเกมที่เคยเปิดตัวไปแล้วมาพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้เรื่องราวทั้งหมดมีความสมบูรณ์และจบในตัว สำหรับระยะเวลาที่จะเปิดตัวนั้นยังไม่มีกำหนดการว่าจะเป็นช่วงไหน แต่บอกได้สั้นๆว่า เร็วๆนี้

THE-VOID-GB-Dual-Logos-Final

เพิ่มเติมสำหรับค่าย Sony Pictures นอกจากจะเอาผลงานที่ทางค่ายได้ถือครองแล้ว ภาพยนตร์นอกเหนือจากแนว Superhero ก็จะมีการพิจารณานำภาพยนตร์เรื่องอื่นๆมาสร้างเป็นเกม VR เฉกเช่นเดียวกับ Ghostbusters ที่เคยทำออกมา ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาผลงานที่จะนำมาสร้างเป็นเกม VR จะต้องได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชม นับตั้งแต่การประกาศสร้างภาพยนตร์ เพื่อให้มีฐานแฟนคลับที่จะมาเล่นเป็นอย่างน้อย รวมไปถึงความน่าสนใจของผลงาน เพื่อที่จะนำไปให้บริการตามร้าน VR Arcade ของตัวเองต่อไปในอนาคต โดยหลังจากนี้จะมีการอัปเดทข่าวให้ทราบกันต่อไปเป็นระยะๆ ว่าผลงานต่อไปนั้นจะเป็นภาพยนตร์เรื่องอะไรกันบ้างที่จะนำมาสร้างเป็นเกม

marvel-logo-wallpaper

เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมาของค่ายนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว แถมยังทำเกม VR ออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย หลังจากนี้เราต้องดูกันว่าจะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องไหนเป็นเกม VR รวมไปถึงข่าวที่เกี่ยวกับสตูดิโอนี้ รวมไปถึงค่ายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่ามีดราม่าใหญ่ขนาดนี้ ย่อมส่งผลกระทบอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าผู้ก่อตั้งยืนยันมาแล้ว เราก็ต้องรอข่าวดีกันต่อไปในอนาคตครับ