ระบบ Finger-Tracking จะมีการกินพลังงานเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้น
หลังจากที่เปิดตัวระบบ Finger-Tracking ไปแล้วในงาน Oculus Connect 6 ที่ผ่านมา ก็จะต้องมีการทดสอบการทำงานและผลกระทบที่ตามมาก่อนที่จะปล่อยให้กับผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งานกัน โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานในการใช้งานที่ทางทีมงานได้ทำการทดลองใช้งานและดูผลกระทบ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวกับการใช้ระบบนี้ในการสั่งการ
โดยในการพูดคุยที่ผ่านมา ทางฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Oculus ได้มีการทดลองใช้งาน Quest ในรูปแบบปกติ แต่เปลี่ยนจากการใช้ Controller มาเป็นนิ้วและมือของผู้ใช้งานแทน ซึ่งการเปลี่ยนตัวควบคุมแบบนี้ จะทำให้อุปกรณ์มีการประมวลผลอีกแบบและยังต้องใช้พลังงานในการตรวจจับพร้อมกับส่งประมวลผลและส่งมาเป็นภาพให้เราได้เห็นนั่นเอง ซึ่งความแตกต่างของ Controller แบบเดิมนั้นจะเป็นวัตถุที่มีรูปทรงเดียว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่มือและนิ้วของผู้ใช้งานนั้นจะแตกต่างกัน เพราะมีข้อต่อและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ดังนั้นหลักการทำงานในการติดตามก็จะไม่เหมือนกับของเดิมที่บันทึกเอาไว้ก่อนหน้า ก็เลยทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผลการทดสอบที่ออกมานั้นปรากฏว่าแบตเตอรี่ของ Quest ที่ใช้ระบบ Finger-Tracking นั้นจะหมดก่อนตัวที่ใช้งานแบบปกติ ซึ่งคำณวนออกมาแล้วก็ได้ตัวเลขประมาณ 7 นาที
แต่นี่ก็ไม่ใช้สามารถสำคัญอะไรมาก เพราะระบบนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับการใช้งานมากนัก แต่นี่จะเป็นตัวอย่างที่ Oculus สามารถนำไปปรับปรุงกับแว่นรุ่นก่อนๆอย่าง Oculus GO ได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานแว่นรุ่นนี้ยังคงมีฟังค์ชั่นเทพๆให้ใช้งานต่อกันได้ และจะลดความกังวลในเรื่องที่จะเหมือนกับ Gear VR ซึ่งกำลังเดินทางมาถึงช่วงท้ายของยุคแล้ว และนอกจากนั้นแล้วก็น่าจะเป็นการกระตุ้นคู่แข่งของค่ายอื่นให้เริ่มมีการสร้างฟีเจอร์ดังกล่าวออกมาแข่งขันด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นข้อดีของผู้บริโภคที่จะได้ใช้เทคโนโลยีดีๆในราคาที่ถูกลงนั่นเอง
หลังจากนี้เราก็คงต้องรอการอัปเดตจากทางผู้พัฒนากันต่อไปนะครับ แถม Oculus Quest ยังสามารถต่อเข้ากับ PC เพื่อเล่นเกมของ PC แทนที่จะซื้อแว่นใหม่มาใช้งานได้อีกด้วย ปีนี้ต้องบอกว่า Oculus ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคอย่างเรามากๆ สำหรับใครที่สนใจซื้อ Oculus Quest ก็สามารถเข้าไปซื้อกันได้ในเว็บไซต์อย่าง Lazada หรือ Shopee นะครับ ตอนนี้สามารถหาซื้อกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว
