Nissan จับมือกับ HaptX เพื่อร่วมพัฒนาการขับรถในรูปแบบเสมือนจริง

ใช้ถุงมือ HaptX มาขับรถ Nissan แบบ VR จะเป็นยังไง

ค่ายรถยนต์ Nissan จากประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นอีก 1 แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี Virtual Reality ถึงขั้นจับมือร่วมกับ HaptX บริษัท StartUp ผู้พัฒนาถุงมือเสมือนจริงในการพัฒนารูปแบบการขับรถของจริงเข้ามาในโลกของ VR โดยทั้ง 2 แบรนด์มีความตั้งใจในการสร้างประสบการณ์การขับขี่ยานพาหนะให้กับผู้ที่ไม่เคยหรืออยากทดลองขับรถแบบจริงๆ และยังเป็นการป้องกันอุบัติเหตุจากการทดลองบนท้องถนนอีกด้วย

haptx-nissan-1

ทางด้านนักออกแบบของ Nissan ได้ให้เหตุผลว่าการใช้ถุงมือของ HaptX เพราะต้องการให้ผู้เล่นสามารถโต้ตอบกับ AI ที่เขียนลงไปแบบ 3 มิติ เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่สมจริงจากการขับขี่ เพราะถุงมือแบรนด์นี้มีการใส่เซ็นเซอร์ขนาดเล็กไว้ถึง 130 จุดทั่วทั้งถุงมือ ซึ่งจะมีการแสดงผลตามน้ำหนักและตำแหน่งของการออกแรงจริงๆ เพื่อให้ไปแสดงผลกับแว่น VR โดยโครงการนี้ทาง Nissan ได้เห็นประโยชน์จากการพัฒนาเพราะจะช่วยในการประหยัดต้นทุนการผลิตรถต้นแบบบที่ใช้สำหรับทดลองและยังสามารถนำไปแก้ไขหรือปรับแต่งให้ออกมาเป็นรถรุ่นต่างๆได้ เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาลในการลงทุนกว่าจะได้รถออกมาในแต่ละคัน ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการทดลองลงไปก่อนที่จะสรุปและผลิตเป็นรถออกมาใช้จริงๆต่อไป

haptx-nissan-2

ในระหว่างการทดลอง ทาง Nissan และ HaptX ยังมีการร่วมกันแก้ไขข้อบกพร่องของถุงมือที่ทำงานไม่ตรงกับความต้องการ ซึ่งช่วยให้ทางผู้ผลิตถุงมือสามารถมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานได้อย่างชัดเจนและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ค่ายอื่นๆเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี Virtual Reality ต่อการพัฒนาและออกแบบยานยนต์ของตัวเองเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันในเรื่องการพัฒนา Software และช่วยสร้างมาตรฐานการออกแบบตัวอย่างที่ผู้บริโภคสามารถมองเห็นและทดลองใช้ได้ ดีกว่าการผลิตรถรุ่นต้นแบบเปลือยๆที่นำไปใช้ทดลองและทำลายทิ้งเพราะจะช่วยในเรื่องของความปลอดภัย, ค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษาที่อาจจะคุมไม่อยู่ในอนาคตต่อไป

haptx-nissan-3

นอกจากนั้นแล้วการทดลองสร้างระบบการขับรถแบบเสมือนจริงยังสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นๆได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทาง Nissan ยกตัวอย่างมาเช่น การแพทย์ เพื่อให้นักศึกษาสามารถจำลองภาพเหตุการณ์การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการทดลองกับมนุษย์ที่อาจจะเกิดความผิดพลาดนระหว่างการทดลอง รวมไปถึงการต่อยอดในด้านอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน สำหรับอนาคตเชื่อว่าหากการทดสอบนี้ได้ผลตามที่วางไว้เราก็น่าจะได้เห็นอะไรดีๆจากเทคโนโลยีเสมือนจริงออกมาให้ได้เล่นกันอีกมากมายแน่นอนครับ