VR Box แว่นเสมือนจริงราคาย่อมเยาที่ใครๆก็มีได้
ทุกวันนี้กระแส Virtual Reality ในเมืองไทยกำลังเป็นที่กล่าวถึงและได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลายๆคนก็เริ่มจะหันมาหยิบเทคโนโลยีตัวนี้มาเล่นกันแล้วบ้าง และหลายๆคนก็สนใจแต่ห่วงในเรื่องของราคาที่สูงเกินเอื้อม วันนี้ทีมงาน SiamVR จะพาไปรู้จักและเจาะลึกกับแว่นเสมือนจริงชนิดหนึ่งที่มีราคาย่อมเยาและสามารถใช้งานได้หลากหลายมากๆ ซึ่งหลายๆคนอาจจะเคยเห็นโฆษณาของสินค้ายี่ห้อนี่กันมาบ้างแล้วตามเว็บไซต์ต่างๆนั่นคือ VR Box แต่ความสามารถของมันจะเป็นอย่างไรบ้างตามมาชมกันเลยครับ
VR Box เป็นแว่นเสมือนจริงที่ผลิตในประเทศจีน ได้ต้นแบบการพัฒนาสินค้ามาจาก Google Cardboard ที่เป็นกระดาษแข็งพร้อมเลนส์ จึงได้มีกลุ่มนายทุนเปลี่ยนรูปแบบภายนอกมาเป็นพลาสติกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้มากขึ้นและออกวางจำหน่ายมากมายนับสิบๆรุ่นจนหลายๆคนเลือกไม่ถูกว่าจะเอารุ่นไหนบ้าง และในบางรุ่นนั้นก็มีของแถมมาเป็น Remote สำหรับเชื่อมต่อกับมือถืออีกทีหนึ่งด้วย คุณสมบัติของ VRBox นั้นเหมือนกับ Google Cardboard ทุกประการใช้สำหรับการขมภาพยนตร์ 3 มิติ 2 จอซ้ายขวา หรือดูรูปภาพแบบ 360 องศาได้เป็นอย่างดี ใช้เล่นเกม VR ได้ในบางเกมที่มีการรองรับแว่นเสมือนจริงทุกรุ่นทุกยี่ห้อ แต่ในแบรนด์ VR Box นั้นถือว่ามาแรงมากในเมืองไทยเพราะมีราคาถูกมาก ทีมงานเลยขอคัดเอาตัวเด่นๆที่มีคุณภาพและใช้งานคุ้มๆกันแนะนำให้รู้จักทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่
BOBO 3D Glasses VR BOX
แว่น VR Box ภายใต้แบรนด์ Bobo VR จากประเทศจีนที่มีขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายๆกับแว่นเสมือนจริงของฝั่ง PC มาก รองรับการใช้งานกับมือถือที่มีขนาด 4.7 นิ้วไปจนถึง 6 นิ้ว ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android ทุกเวอร์ชั่น มีเลนส์ PMMA สามารถชมภาพยนตร์ 3D และชมรูปภาพแบบ 360 องศาได้ แต่ว่ารุ่นนี้จะไม่มีปุ่มคำสั่งควบคุมต่างๆเลยต้องอาศัย Remote Bluetooth จากภายนอกในการควบคุมแทนและความสามารถต่างๆต้องพึ่งเทคโนโลยีมือถือเป็นหลักด้วย
Shinecon 3D Glasses
แว่นเสมือนจริงแบรนด์ VR Shinecon ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มีคุณสมบัติคล้ายๆกับ ตัว Bobo VR ทุกประการแต่มีข้อแตกต่างกันตรงที่เลนส์นั้นเป็นแบบ Aspheric สามารถปรับความชัดจากตัวแว่นได้ตามระดับสายตาของผู้ใช้ และแบรนด์มักจะมี Remote Bluetooth แถมมาให้ด้วยเกือบจะทุกรุ่นที่วางจำหน่าย รองรับการชมภาพยนตร์ 3D และชมรูปภาพแบบ 360 องศา ส่วนเกม VR นั้นสามารถรองรับเกมที่โหลดผ่าน App Store ของ iOS และ Play Store เท่านั้นและยังเล่นได้ในบางเกมอีกด้วย
VR Box Gen 2
ตัวสุดท้ายนี้จะเรียกว่าต้นแบบของ VR Box ทั้งหลายทั้งปวงเลยก็ว่าได้นะครับ แถมตัวนี้เป็นรุ่น Gen 2 ตัวใหม่ล่าสุดของ VRBox ด้วย เลนส์ของแว่นตัวนี้เป็นแบบ Resin รองรับการใช้งานกับมือถือตั้งแต่ 3.5 นิ้วไปจนถึง 6 นิ้ว ใช้งานได้ทั้งมือถือระบบ iOS และ Android จริงๆแล้วก็มีคุณสมบัติเหมือนกับแว่นทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้าทุกประการ มีของแถมเป็น Remote Bluetooth เหมือนกัน สามารถใช้งานในการชมภาพยนตร์ 3D และชมรูปภาพแบบ 360 องศาได้เช่นกันอีกด้วย
ผลการทดสอบ
การรับชมภาพยนตร์ 3D
ก่อนอื่นที่เราจะชมภาพยนตร์ 3D นั้นเราจะต้องมีไฟล์ภาพยนตร์ที่เป็นแบบ 3D ส่วนใหญ่มักจะเป็นไฟล์ที่มาจากแผ่น Bluray เป็นหลัก และมือถือของเราจะต้องมีความแรงอยู่พอสมควรเลยเพราะต้องใช้ประมวลผลภาพและเสียงพร้อมกันในระดับ Full HD อีกด้วย สำหรับการชมผ่านแว่นเสมือนจริงทั้ง 3 รุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ภาพมีความชัดเจนมาก แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับมือถืออย่างที่กล่าวไว้ด้วยนะครับ ไม่งั้นต่อให้มีแว่นแต่มือถือไม่ผ่านก็ชมไม่ได้อยู่ดี ส่วนการรับชมผ่านแอพฯอย่าง Youtube นั้นก็ทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ว่าความชัดนั้นขึ้นอยู่กับสัญญาณอินเตอร์เน็ตและจอมือถือของผู้ใช้ด้วยนะครับ
การชมภาพถ่ายแบบ 360 องศา
การทดสอบนี้ถือว่ายังสบายกว่าการชมภาพยนตร์ 3D หน่อยนะครับ เพราะรูปภาพนั้นจะไม่ขยับไปไหนและใช้ทรัพยากรมือถือไม่มากนัก จากการทดสอบการชมภาพถ่ายจากแอพฯ Art&Culture นั้นก็ทำได้ดีไม่แตกต่างกับการชมภาพยนตร์หรือวิดีโอเลยครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชัดของหน้าจอมือถือของผู้ใช้งานอีกด้วย
ทดสอบเกม VR
สำหรับการเล่นเกมกับแว่นเสมือนจริงทั้ง 3 รุ่นนี้นั้น ต้องบอกก่อนครับว่ามือถือบางรุ่นถึงแม้จะดูหนังได้ ดูรูปได้ แต่เล่นเกมไม่ไหวก็มี แถมบางเกมนั้นจะต้องมีการบังคับผ่านจอยสติ๊กหรือรีโมตต่างๆเพิ่มเติมด้วย อันนี้ทีมงานขอพูดรวมๆเลยนะครับว่า แว่นทั้ง 3 รุ่นนี้ไม่มีระบบจับสัมผัสที่ใช้สำหรับบังคับการแสดงผลของตัวเกมเลยไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตามและยังต้องพึ่งความสามารถของมือถือเหมือนเดิม และเกม VR บนมือถือใน iOS และ Android นั้นก็ไม่ค่อยจะมีให้เล่นกันเสียด้วย แตกต่างจากแว่นที่มีราคาอัพขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็น Gear VR หรือ Daydream เพราะว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นจะมีแอพฯพิเศษที่รองรับการเล่นเกมอีกด้วย
ผลสรุปโดยรวม
จากการทดสอบทั้ง 3 ชนิดกับแว่นเสมือนจริงทั้ง 3 รุ่นนี้แล้วมีความสามารถไม่แตกต่างกันเลยไม่ว่าจะชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมก็ตาม เพราะแว่นทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นกรอบแว่นเปล่าๆเท่านั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรเพิ่มเติมเลยและยังต้องพึ่งความสามารถของมือถือที่ใส่เข้าไปอีกด้วย ไม่เหมาะเลยกับการเล่นเกมที่มีการควบคุมมากมายเพราะ VRBox ทั้ง 3 ชนิดไม่มีปุ่มการควบคุมอะไรและรีโมตที่ให้มานั้นก็ไม่ได้รองรับการเล่นเกมตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ถ้าดูภาพยนตร์ 3D หรือชมภาพถ่าย 360 องศาก็ไม่มีปัญหาครับ
ความเห็นของทีมงาน SiamVR
แว่น VR Box ทั้ง 3 ตัวนั้นถือว่าเป็นแว่นที่อัพเกรดขึ้นมาจาก Google Cardboard ในด้านของโครงสร้างซึ่งเป็นข้อด้อยของ Cardboard ให้มีความแข็งแรงมากขึ้นแต่ยังคงคุณสมบัติพื้นฐานเอาไว้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ 3D หรือรูปภาพแบบ 360 องศา แต่การเล่นเกมนั้นไม่เหมาะเท่าที่ควรเพราะไม่มีฟังค์ชั่นรองรับการเล่นเกม แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นสำหรับคนที่อยากรู้ว่าเทคโนโลยีเสมือนจริงนั้นคืออะไรและมีราคาถูกมาก เหมาะกับผู้ที่ยังไม่กล้าลองของแพงหรือผู้ใหญ่ที่อยากซื้อให้บุตรหลานของท่านไว้เล่นกันนะครับ แต่ถ้าอยากได้ตัวที่ครบครันกว่านี้ก็จะมี Gear VR ของ Samsung และ Daydream ที่เป็นแว่นเสมือนจริงแบบอัพเกรดจาก Google โดยทั้ง 2 รุ่นนี้มีราคาแพงกว่า VR Box ประมาณ 3,000 บาท และอาจจะต้องเปลี่ยนมือถืออีกด้วย นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบของ VR Box ในยุคนี้ครับ
สำหรับคนที่สนใจ VRBox ก็สามารถหาซื้อได้ทางเว็บ Lazada เลยนะครับ (ทางเราไม่ได้ขาย VR Box นะครับ เรามีเว็บเดียว คือ siamvr.com เท่านั้น) มีหลากหลายรุ่นและราคาถูกอีกด้วย แต่ถ้าใครเลือกไม่ถูกจริงๆก็ลองเอาแว่นทั้ง 3 รุ่นที่ทีมงานแนะนำไว้ก็ได้นะครับ เพราะความสามารถของ VR Box ทุกตัวนั้นไม่แตกต่างกันเลย ยกเว้นเรื่องราคากับของแถมจากผู้ขายเท่านั้นเอง สำหรับแอพฯที่จะใช้เล่นกับ VR Box นั้นก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น Art&Culture ที่ไว้รับชมภาพถ่ายแบบ 360 องศาหรือ Youtube ที่มีการอัพเดทระบบ VR เข้าไปให้ผู้อ่านได้ชมวิดีโอแบบเสมือนจริงกันแล้วนะครับ ส่วนของการเล่นเกมนั้นในบางเกมผู้อ่านจะต้องใช้จอยสติ๊กแยกสำหรับการเล่นด้วยนะครับ เพราะตัวแว่นไม่มีปุ่มควบคุม ก่อนที่จะซื้อแว่นเสมือนจริงก็ลองคิดให้ดีๆก่อนนะครับว่าเราอยากจะใช้มันไว้ทำอะไรระหว่างเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์
ผมพึ่งซื้อVR Boxมาทำยังไงให้ดูเหมือนจิงคับ