Review : Virtual Desktop โปรแกรมจำลองหน้าจอ Desktop บนแว่นเสมือนจริงแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อจอเพิ่ม

โปรแกรมที่ทำให้คุณไม่ต้องถอดแว่นเวลาใช้งานหน้า Desktop

     นับตั้งแต่มีเทคโนโลยี Virtual Reality มา ผู้ใช้งานแว่นเสมือนจริงมักจะนำแว่นมาใช้งานในด้านของการเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่ และปัญหาของผู้ใช้งานแว่นเสมือนจริงคือคนที่ชอบทำไรหลายๆอย่างพร้อมๆกันแต่ดันต้องเล่นเกมเสมือนจริงอยู่เช่น ฟังเพลงใน Youtube หรือ ตอบแชตใน Facebook เป็นต้น อาจจะต้องถอดแว่นเข้าๆออกๆ จนรู้สึกรำคาญและไม่อยากจะเล่นเกม แต่ว่าวันนี้ทีมงาน SiamVR จะพาทุกคนไปรู้จักกับนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้คนใช้แว่นเสมือนจริงไม่ต้องถอดแว่นเพื่อไปจ้องจอมอนิเตอร์ให้เสียเวลาอีกแล้วกับโปรแกรมที่มีชื่อว่า Virtual Desktop ถ้าแปลกันตรงๆก็ จอเสมือนจริงบนแว่นเสมือนจริงนั่นเองครับ แถมดีไม่ดี โปรแกรมนี้อาจจะทำให้คุณแทบไม่ต้องใช้จอมอนิเตอร์อีกต่อไปเลยก็ได้ครับ สำหรับผู้ใช้งาน Oculus Rift และ HTC Vive ที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ก็ลองวิธีนี้กันดูครับผม

     Virtual Desktop เป็นโปรแกรมจำลองหน้าจอ Desktop ของคอมพิวเตอร์บนแว่นเสมือนจริง พัฒนาโดยนาย Guy Godin เพื่อให้คนใช้แว่นเสมือนจริงสามารถใช้งานหน้าจอ Desktop บนแว่นเสมือนจริงได้ ในโปรแกรมนั้นจะจำลองหน้าจอ Desktop บนจอโค้งเหมือนกับจอ IMAX หรือปรับเป็นจอแบบ Wide Screen แบบจอ LED ทั่วไปก็ได้ ด้วยขนาดความละเอียด 1920×1080 หรือ Full HD หรือเปรียบเทียบขนาดได้ประมาณหน้าจอ 24 นิ้ว นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มหน้าจอสำหรับการใช้งานได้ไม่จำกัด มีหน้าต่างควบคุมการทำงานของหน้าจอต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น ระบบต่างๆถูกออกแบบมาโดยมีแรงบันดาลมาจากจอมอนิเตอร์ในภาพยนตร์ Sci-Fi หลายๆเรื่องที่ตัวละครสามารถสร้างขึ้นมาได้ไม่จำกัด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถป้อนข้อมูลหรือออกคำสั่งเปิดโปรแกรมใช้งานในรูปแบบต่างๆได้พร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูภาพยนตร์พร้อมกับการทำงานไปในตัว หรือจะเป็นการเล่นเกมพร้อมกับการฟังเพลงไปพร้อมกันก็ยังได้

Virtual-Desktop-Theater-Mode
เลือกธีมสำหรับการใช้งานเป็นแบบโรงภาพยนตร์ไว้สำหรับคนที่ชอบชมภาพยนตร์ก็ได้

     ผู้ใช้งานนอกจากจะสามารถใช้ได้หลายหน้าจอแล้ว ยังสามารถปรับเป็นโหมดโรงภาพยนตร์ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบชมภาพยนตร์ เพราะ Virtual Desktop ได้ออกแบบฉากโรงภาพยนตร์มาให้ในโปรแกรมแล้ว หรือใครอยากลองประยุกต์นำฉากโรงภาพยนตร์มาเป็นมอนิเตอร์เพื่อเล่นเกมก็ได้เช่นเดียวกันครับ โปรแกรมนี้สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากฉากโรงภายนตร์แล้วยังมีฉากอื่นๆมากมายไม่ว่าจะเป็นฉากห้องทำงาน หรือจะเนรมิตหน้าจอของผู้ใช้ให้เข้าไปอยู่ในตู้เกมแบบยุค 80 ก็ยังทำได้เช่นเดียวกันครับ หรือถ้าไม่ชอบใจก็เช็ตให้เป็นแบบใสๆกลมกลืนกับ Background ของเราก็ได้เช่นกันครับ โปรแกรมนี้จะมีรูปแบบธีมให้ผู้ใช้งานได้เลือกอีกด้วยในอนาคต ชอบแบบไหนก็ตามใจคนซื้อเลย

Virtual-Desktop-Theme
มี Theme ให้เลือกมากมายหลายแบบ

     ในส่วนของโหมด VR สำหรับการชมวิดีโอนั้น ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมได้ 2 แบบ ทั้งแบบเต็มจอหรือแบบคู่ ความชัดของวิดีโอนั้นก็มีผลกับภาพที่ฉายออกมาด้วยเช่นกัน ในแบบเต็มจอนั้นคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่แบบจอคู่ ความชัดของหน้าจอจะมีขนาด 1280×1080 หรือ 2K  นั่นเอง แต่ทั้ง 2 แบบนั้นก็จะสามารถรับชมได้แบบ 360 องศารอบตัวได้เช่นกัน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดการทำงานได้ที่ Pop Up ของโปรแกรมว่าอยากชมแบบไหนก็ตามแต่จะสะดวกของท่านเองครับ และนอกจากการชมภาพและวิดีโอ 360 แล้วยังมีโหมดที่ใช้สำหรับการเล่นเกมที่ไม่ใช่เกม VR อีกด้วย โดยโหมดนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นที่เล่นเกมอื่นๆที่ไม่มีระบบ VR รองรับ ให้สามารถเล่นเกมได้เหมือนกับการเล่นเกมผ่านมอนิเตอร์นั่นเอง เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ชินการเล่นเกมผ่านแว่นเสมือนจริง และนอกจากที่กล่าวไปแล้วก็จะเป็นการปรับค่าพื้นฐานของภาพเหมือนกับการปรับบนมอนิเตอร์นั่นเอง ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่ต้องเสียบจอเพื่อใช้งานอีกต่อไป เพียงแค่สวมแว่นตาก็สามารถปรับแต่งอุปกรณ์ของคุณให้เป็นไปดั่งที่ใจต้องการ เรียกว่าโปรแกรมเดียวครอบจักรวาลซึ่งสามารถปรับขนาดหน้าจอเหมือนกับที่เราขยับมอนิเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งานของเราได้ แถมยังมีบอกค่าเฟรมเร็ตการใช้งาน ณ เวลานั้นอีกด้วย

Virtual-Desktop-Banner
มี Pop Up ให้ปรับแต่งตามความพอใจของผู้ใช้งาน

     สำหรับ Virtual Desktop มีวางจำหน่ายแล้วในโปรแกรม Steam ราคาเพียง $15 เท่านั้น แถมยังใช้ได้ทั้งกับ Oculus Rift และ HTC Vive ทั้งคู่ นอกจากนั้นยังต้องใช้งานร่วมกับเม้าส์และคีย์บอร์ดเช่นเคยครับ ในส่วนของคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานได้นั้นก็อาจจะต้องแรงสักเล็กน้อย หรือขั้นตัวท็อปของแต่ละชิ้นส่วนเลยก็ว่าได้นะครับ เพราะโปรแกรมจำลองยังไงก็กินสเปคคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว พูดง่ายๆคือโปรแกรมตัวนี้จะจำลองคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีก 1 เครื่องในการทำงานนั่นเอง และยิ่งผู้ใช้งานเพิ่มหน้าจอขึ้นไปก็จะทำให้เครื่องทำงานหนักมากขึ้น ถ้าคิดว่าของในเครื่องนั้นแรงพอก็จัดไปครับ เป็นการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณได้คุ้มค่าอีกด้วย แถมการที่เราสามารถเปิดหลายๆหน้าจอได้ก็เท่ากับว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเงินไปซื้อจอมอนิเตอร์แบบเทพในราคาเหยียด 10,000 บาท เพิ่มมาเป็นการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ให้แรงขึ้นนั่นเองครับ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ใครที่มีแว่นเสมือนจริงก็ไม่น่าพลาดกับโปรแกรมแจ่มๆเช่นนี้นะครับ ครั้งหน้าทีมงานจะเอาโปรแกรมหรือของดีอะไรมารีวิวให้ชมกันอีกก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ

Source : engadget.com