Google cardboard
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า เจ้าVR คืออะไร
VR ย่อมาจาก Virtual Reality เป็นแว่นตาจำลองเหตุการณ์สมจริง เมื่อเราได้สวมใสแว่นนี้เข้าไปแล้ว ภาพที่เราเห็นจะเห็นกับว่าเราได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ และใช้สำหรับการเล่นกับเกมส์อย่าง PlayStation และ Xbox ส่วนทางด้านราคานั้นตอนนี้ยังอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ และกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาให้มีความเสถียรเพิ่มมากยิ่งขึ้น
วันนี้ได้มีโอกาสมาจับ มาลองของจริง จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้กันฟังว่ามันจะเจ๋งขนาดไหน จะเร้าใจอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า มาติดตามกัน
VR ตัวนี้ต้องบอกรูปร่างกันก่อนว่า มันสร้างขึ้นมาแบบเรียบง่าย และวัสดุที่ได้ทำนั้นเป็นลักษณะของกล่องกระดาษ และมีเลนส์ แม่เหล็ก และสมาร์ทโฟนเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อได้ทดลองสวมใสและมองภาพที่เห็น พระเจ้าจอร์ดมันยอดมากไม่ธรรมดากันเลย เห็นเป็นอุปกรณ์ธรรมดาแบบนี้แต่ต้องบอกเลยว่า มันวิเศษอย่างเหลือเชื่อจริงๆ
สำหรับตัวโปรแกรมหลักที่ใช้จะเป็นของทาง Google ที่ได้สร้างไว้ให้นั้นคือ โปรแกรม Cardboard ซึ่งถือว่าเป็นการใช้งานที่ไม่ยากมีขั้นตอนการบอกอย่างง่ายดาย ใช้งานเมนูด้วยการหันศีรษะ ในเวลาที่เราเลือกเกมส์ที่จะเล่นได้ ต่อด้วยแม่เหล็กที่ได้ติดตั้งไว้(ยังไงก็ต้องใช้มืออยู่ดี) แต่ยังเป็นโปรแกรมที่มีใช้ใช้งานยังไม่มากนักเสมือนเป็นการสร้างความเคยชินและทดลองเท่านั้นเอง
นอกเหนือจากนี้ ตัวของ Chrome Experiment ก็ได้มีการสร้างแอพไว้เพื่อการนี้ด้วย ไม่เพียงแค่นั้น NFC ก็ทำกับเขาด้วยและพิเศษเพิ่มด้วยการไม่ต้องเปิด Cardboard รอไว้ เพียงแค่จัดวางตัวเครื่องให้ได้ตำแหน่งที่ตรงกัน เพียงเท่านี้ Cardboard ก็เปิดขึ้นได้เองโดยอัตโนมัติ เจ๋งสุด ๆ
ในส่วนภาพ 3 มิติที่เราเห็นกันนั้นเรียกว่า Stereoscopy เป็นการมองในมุมที่ดวงตาเขาเรามองเห็นต่างมุมกันเล็กน้อยและตามไปด้วย ภาพที่แสดงออกมาจะมีการแสดงภาพ 2 ภาพซ้อนกันและต่างมุมกันเล็กน้อย พอเรามองด้วยมุมที่ต่างกัน จึงทำให้ภาพที่เราเห็นกลายเป็นภาพ 3 มิตินั้นเอง
ในส่วนถัดมาหลายคนอาจสงสัยว่าเราสามารถมองภาพจากจอที่ใกล้ขนาดนั้นได้อย่างไร ถ้าสังเกตให้ดีตอนต้นผมได้บอกไปแล้วว่าส่วนประกอบหลักก็คือ สมาร์ถโฟน แม่เหล็กและเลนส์ ตัวเลนส์นี่เองที่เป็นตัวช่วยให้เรามองภาพได้ในระยะที่สมจริงที่สุดต้องหาจุดที่โฟกัสได้ดีด้วยสำหรับบางท่านที่ใส่แว่น ก็อาจจะต้องหาจุดโฟกัสเพิ่มอีกนิดหน่อย
ถัดมาคือตัวแม่เหล็ก ตัวแม่เหล็กตัวนี้ ไม่ใช่แม่เหล็กตามก้นลำโพงทั่วไป แต่เป็นแม่เหล็กที่มีชื่อว่า Neodymiumเป็นแม่เหล็กที่มีการสร้างมาเป็นพิเศษ มีพลังของสนามแม่เหล็กที่สูงกว่าปกติ แล้วแม่เหล็กตัวนี้ก็จะใช้แทนการแตะหน้าจอสมาร์ถโฟนแทนได้ด้วยมีระบบ Magnetic Sensor ที่ช่วยในเวลาที่เรามีการดึงแม่เหล็กแล้วปล่อยคล้ายๆ กับการกดที่หน้าจอ ตรงนี้ถือว่าเป็นของเล่นใหม่ที่ทำออกมาได้จี้ดมากๆ ของธรรมดาที่เหนือธรรมดาจริงๆ
สิ่งที่ เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนและถือว่าเป็นตัวสำคัญไม่น้อยด้วยเช่นกันนั้นคือเรื่องของ จอสมาร์ถโฟน ขนาดของหน้าจอที่ดี สำหรับการใช้กล้องVR นั้น ควรจะอยู่ระหว่าง 4.5 – 5 นิ้ว ถ้าเล็กไปจอก็ไม่พอดีกับเลนส์ และถ้าใหญ่ไปก็จะเข้าไปอยู่ในกล่องไม่ได้ และส่วนของระบบรองรับนั้น คงไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะระบบของ แอนดรอยด์ส่วนใหญ่สามารถรองรับ Cardboard ได้อยู่แล้ว
อีกตัวที่พอจะใช้เล่นได้ ก็มีชื่อว่า Google Cardboard Clone ถ้าจะลองเล่นตัวVR แต่หาของจริงเล่นไม่ได้ ก็ต้องลองหาซื้อตัวนี้มาลองเล่นดู แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า มันคือตัว Clone จะให้เหมือนไปทุกอย่างคงไม่ใช้แน่ ลองมาดูส่วนที่ต่างกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.เริ่มต้นด้วยตัวกระดาษก่อนเลย ตัวของกระดาษนั้นจะไม่แข็งแรงเท่ากับตัวของ Google Cardboard เรียกว่าพอใช้ได้น่าจะเข้าท่าที่สุด
2.เลนส์ก็ต่างกัน ตัวของเลนส์ก็จะให้ภาพที่ไม่นุ่มนวลตาสักเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่เคยได้ลองของ Google Cardboard แล้วมาลองตัว Clone ต้องบอกว่าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้ลองเปรียบเทียบกันนั้นอาจะไม่เข้าใจถึงตรงนี้
3.แม่เหล็กก็ต่างอีก แม่เหล็กของ Google Cardboard จะเป็นตัวของ Neodymium การใช้งานก็จะต้องมีการจับปรับแต่งกันมากกว่าตัวของ Google Cardboard ทำให้การใช้งานต้องมีการปรับหาจุดที่ ตัวแม่เหล็กมีระยะการใช้งานที่ส่งผลให้ได้ระยะเพิ่มขึ้น
บทสรุปโดยรวม Google cardboard
ก็ต้องบอกว่า Google Cardboard ถือว่าเป็นเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ใหม่มากนัก เป็นการนำตัวที่มีอยู่แล้วออกมาสร้างกระแสใหม่เสียมากกว่า ด้วยความเป็นจริงแล้ว สำหรับ VR แว่น3 มิตินั้นได้มีออกมาสู่ตลาดนานหลายปีแล้ว แต่ด้วยตอนนี้มีกระแสของตัว VR ออกมาทาง Googleเลยต้องออกมาทำกระแสด้วยเช่นกัน มีการปรับปรุงเพิ่มเติมให้มีความแปลกใหม่เล็กน้อย และปรับราคาให้เป็นที่น่าสนใจและสำหรับ ว VR ความจริงแล้วก็ใช้กับ ตัว Cardboard ได้เช่นกัน
สำหรับท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะมีความคิดว่า ตัดกระดาษทำเองก็ได้ ความคิดนี้ไม่ผิดเลยครับ ลองได้เลยไม่ยาก ผมก็ลองมาแล้วด้วยเช่นกันแต่ก็ต้องบอกว่า ของง่ายๆ แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่ง่ายอย่างที่เห็น ความแข็งแรงและตัวกระดาษต่างๆ มันช่างไม่ได้ดั่งใจเสียเลย (ซื้อเอาเถอะครับเล่นมันกว่า)
ที่มา droidsans