Apple ARKit กับการเปลี่ยนแปลงวงการ AR และ VR ในปัจจุบันและอนาคต

Apple ARKit is a Game Changer for AR and VR

เป็นเวลาหลายเดือนนับจากการเปิดตัวครั้งแรกจากงาน WWDC 2017 ที่ผ่านมาสำหรับ ARKit เครื่องมือชิ้นใหม่ของ Apple ที่กำลังจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาวงการ Augmented Reality แถมในตอนนี้ทีมพัฒนาหลายๆทีมก็เริ่มหันมาใช้เครื่องมือนี้กันมากขึ้นอีกด้วย วันนี้ทาง SiamVR จะพาไปดูกันครับว่า ARKit ตัวนี้จะมีผลกระทบอย่างไรกับอุตสาหกรรม Virtual Reality เราลองมาดูเป็นข้อๆเลยครับ

แนวทางการพัฒนาของ AR และ VR

face-tracking-arkit

ในเรื่องความหมายของเทคโนโลยีทั้ง 2 อย่างนี้ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าเป็นอย่างไร รวมไปถึงระบบการทำงานก็จะแตกต่างกันด้วย ซึ่งในปีที่แล้ว VR ถือว่าเป็นเทรนที่มาแรงมากโดยเฉพาะเรื่องของเกมหรืองานที่เกี่ยวกับการใช้จินตนาการ แต่เมื่อเทคโนโลยีมีความเจริญมากขึ้นบวกกับการบูรณาการของเดิมๆมาต่อยอดจึงทำให้เทคโนโลยี AR นั้นดูได้เปรียบกว่ามาก หากใครนึกไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไรก็ลองนึกถึงแอพฯอย่าง Snapchat ที่เปลี่ยนการถ่ายรูปธรรมดาให้กลายเป็นเทรนได้หรือจะเป็นเกมที่มีคนเล่นติดอันดับ Top 5 ของปี 2016 อย่าง Pokemon GO ดูครับ ที่กล่าวมานี่คือการนำของเดิมที่มีความน่าสนใจมาต่อยอดโดยเฉพาะเลยครับ นอกจากนั้นแล้วเรายังจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี AR มาพัฒนาเป็นเครื่องมืออื่นๆเพื่อใช้ในการทำงานรูปแบบต่างๆอีกมากมายเช่น การใช้จดจำใบหน้าเพื่อเก็บข้อมูล เป็นต้น

เปรียบเทียบระบบการทำงานของ AR และ VR

หลักการทำงานของเทคโนโลยี VR นั้นผู้ใช้งานจะต้องสวมแว่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ระบบได้ทำงานตามที่ตัวโปรแกรมหรือแอพฯได้ตั้งค่าไว้ แต่สำหรับเทคโนโลยี AR จะทำงานก็ต่อเมื่อวัตถุที่เราเล็งไว้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเท่านั้น เหมือนกับคลิปวิดีโอตัวอย่างที่ได้ชมไป จะเห็นได้ว่าตัวแอพฯจะจับการเคลื่อนไหวแทบทุกส่วนของร่างการไม่ว่าเราจะขยับร่างกายสนไหนก็ตามแต่ ลองคิดตามเล่นๆนะครับว่าถ้าเกิดเราใช้เทคโนโลยีของ ARKit ในการสร้างตัวอย่างการเคลื่อนไหวสำหรับทำงานด้าน Animation หรือเกม แทนที่เทคโนโลยีเดิมอย่าง Motion Graphic จะเป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญกว่านั้นคือเทคโนโลยี AR นั้นไม่จำเป็นต้องมีแว่นเสมือนจริงเพื่อใช้งาน เพียงแค่มี Smartphone ที่รองรับการทำงานในส่วนนี้ก็สามารถแสดงผลออกมาได้แล้วครับ

การเข้าถึงผู้ใช้งานได้จำนวนมากๆ

arkit-on-iphone

หลังจากที่เห็นข้อแตกต่างของเทคโนโลยี AR และ VR กันไปแล้ว อีก 1 ข้อที่น่าสนใจคือการเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้จำนวนมาก เพราะสมัยนี้อุปกรณ์ต่างๆของ Apple ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสังคมเช่น iPhone ที่ออกใหม่แทบทุกปีและรุ่นเก่าๆก็จะมีราคาตกลงไป รวมไปถึงรุ่นประหยัดที่มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากรุ่นใหม่ๆ ทำให้ ARKit สามารถเข้าไปอยู่ในมือถือของผู้ใช้งานได้แทบทุกราย โดยในปัจจุบันนี้ทาง Apple บอกว่ามี ARKit เข้าไปอยู่ในมือถือแล้วมากกว่า 380 ล้านเครื่อง (อ้างอิง) ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก โดยทาง Apple คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้ที่ใช้งานมือถือที่มี ARKit มากกว่า 500 ล้านเครื่องเลยทีเดียว แบบนี้เราคงจะได้เห็นแอพฯ AR หลายๆตัวที่ใช้เทคโนโลยี ARKit ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนครับ เพราะเครื่องมือตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการแสดงผลได้ดีเลยทีเดียว ตรงจุดนี้จึงทำให้เกิดข้อแตกต่างกับฝั่ง VR ตรงที่เราจะต้องมีแว่นเสมือนจริงสวมเข้าไปเพื่อเป็นมุมมองของตัวเองรวมไปถึงราคาของแว่นที่ยังมีราคาสูงอยู่ ทำให้หลายๆคนหันมาสนใจเทคโนโลยี AR กันมากขึ้นอีกด้วยครับ

ยุคทองของ ARKit กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

arkit-developer

ถ้าจะพูดว่าในปีนี้หลายๆแอพฯที่ใช้เทคโนโลยี AR ได้รับความนิยมมากขึ้นก็คงจะไม่แปลกใจเพราะหลายๆคนก็ได้สัมผัสกันมาแล้วอย่างเช่น Pokemon GO รวมไปถึงเกมอื่นๆที่อ้างอิงจากระบบเกมจริงๆอย่างเช่นเกมแนว TableTop ที่ร็จักกันอย่าง Dungeons & Dragons หรือ Warhammer ก็เริ่มต้นการพัฒนาขึ้นมาแล้ว หรือจะเป็น Demo เกมตัวแรกที่ใช้ ARKit ในการพัฒนาอย่าง Wingnut AR ก็ทำให้ ARKit นั้นดูน่าสนใจมากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียวครับ รวมไปถึงแอพฯอื่นๆก็กำลังพัฒนาออกมาเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรม AR ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆอีกด้วยครับ แบบนี้ทาง VR คงจะอยู่นิ่งกันไม่ได้เสียแล้ว

ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นผลจากการมาของ ARKit เครื่องมือที่น่าสนใจจาก Apple ครับ ในอนาคตเชื่อว่าต้องมีหลายๆแอพฯที่พึ่งพาเครื่องมือตัวนี้อย่างแน่นอน รวมไปถึงผลกระทบต่อวงการอื่นๆอย่าง VR อีกด้วย และนอกจาก ARKit แล้วก็ยังมี Tango ของ Google ที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งของ ARKit อีก 1 ตัว ในปีหน้าเราคงจะได้เห็นการแข่งขันระหว่าง Apple ที่ผลักดัน ARKit และ Google ที่มี Tango อย่างแน่นอนแต่ไม่ว่าใครจะได้ผู้ใช้งานมากกว่า คนที่จะคุ้มค่าที่สุดก็คงไม่พ้นเราที่เป็นผู้ใช้งานหรอกครับ ทางทีมงาน SiamVR จะคอยจับตามองเครื่องมือสำหรับเทคโนโลยี AR ทั้ง 2 ตัวนี้เอาไว้ตลอดและภายในอนาคตเราคงจะได้เห็นอะไรดีๆมากกว่านี้จากทั้ง 2 ค่ายแน่นอนครับ